วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2551

"อนันดา"รับ"จี๊ด"อึ๋ม! รักแฮปปี้-วางแผนซื้อบ้าน


"ดีครับ แฮปปี้ดี ผมมีเวลาเจอจี๊ดทุกวันครับ" หนุ่มนัยน์ตาชวนฝัน "อนันดา เอเวอริ่งแฮม" เผยเรื่องความรักกับหนู "จี๊ด"แสงทอง เกตุอู่ทองถามว่าความรักหวานแหววหรือเปล่า อนันดากล่าวว่า "มันไม่ได้หวานแหววหรอก แต่เป็นความรักที่มันเติบโตขึ้นก็รู้จักกันมากขึ้น คุยกันรู้เรื่องขึ้น ที่ผ่านมามีข่าวกับพี่ใหม่(เจริญปุระ) ก็ไม่ได้มีผลกับผมและจี๊ด เขาก็ถามปกติไม่มีอะไร"อย่างหนัง "เมมโมรี่ รัก หลอน" มีฉากเลิฟซีนค่อนข้างหวือหวา หนังใกล้เข้าแล้วกลัวจะมีกระแสกับ "ใหม่" อีกรอบมั้ย? "จริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าผมกับจี๊ดจะมีปัญหามันจะไม่เกิดจากตรงนี้หรอก ถ้ามันจะมีปัญหาก็เป็นปัญหาระหว่างเราสองคน มันไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม ผมกับแสดงว่าจี๊ดใช่ตัวจริง? "ณ วันนี้คือใช่ตัวจริง แต่ผมก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง คนที่เรารักก็คือตัวจริงหมด ไม่มีเผื่อใจอะไร เราไม่กั๊กไว้อยู่แล้ว รู้สึกอย่างไรก็ทำตามความรู้สึกนั้น มันจะเป็นไปตามสภาพ วันหนึ่งมันจะเลิกก็ต้องเลิกเท่านั้นเองครับ"เห็นตอนนี้มารับงานถ่ายแบบคู่กับจี๊ดใน "สุดสัปดาห์" เป็นการกลบกระแสรักร้าวหรือเปล่า? "ไม่นะ มันเป็นการรับงานปกติ"คนรอบข้างว่าอย่างไรบ้าง? "โอเคนะ ใสๆ มีคนบอกว่าจี๊ดนมใหญ่มาก บนปกด้วยเหลี่ยมด้วยมุมนั้นมันใหญ่จริงๆ มันช่วยไม่ได้ที่คนจะสังเกต เพราะมันอยู่กลางเล่มขนาดนั้น แต่มันก็โอเคเขาก็ไม่ได้ถ่ายส่อเรื่องเซ็กซ์ มันเป็นแบบคู่ใสๆ หวานๆ แนวสุดสัปดาห์"ต่อจากนี้จะมีงานถ่ายแบบคู่กันอีกหรือเปล่า? "ถ้าเขาเรียกและจ้างมาแล้วน่าทำก็อาจจะทำ เราไม่ได้วางว่าเราจะต้องปั้นเราสองคนให้เป็นแบบนั้นแบบนี้เพื่อได้โฆษณา(หัวเราะ) เราไม่มีสร้างอิมเมจ อย่างจี๊ดเป็นนางแบบ งานแฟชั่นเป็นเรื่องปกติ และถ้าคอนเซ็ปต์ที่สไตลิสต์วางไว้อยากให้มีผู้ชายและอยากให้ผมถ่ายคู่ก็โอเค เราไม่กลัวคนมองว่าเราสร้างกระแส"มีการวางแผนอนาคตกับจี๊ดหรือยัง? "ไม่มีครับ ตอนนี้มีอยู่อย่างเดียวคือผมจะซื้อบ้าน เป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่แล้ว ส่วนถ้าจี๊ดอยากเป็นส่วนร่วมตรงนี้ก็แล้วแต่เขา มันเป็นสิ่งที่เราต้องทำ ครอบครัวผมยังไม่มีบ้าน เราไม่เคยซื้อบ้าน เราเช่าบ้านมาตั้งแต่ผมเกิดจนถึงทุกวันนี้ ผมมีโครงการจะซื้อที่หรือซื้อบ้านสักอย่างที่เป็นของครอบครัว อาจจะเป็นที่เชียงใหม่หรือไม่ก็กรุงเทพฯ เรายังไม่มีศูนย์รวมของครอบครัว เวลามีปัญหาจะได้กลับมาที่บ้าน พ่อ แม่ ผมและน้องไม่มีแบบนี้ และอย่างน้อยสุดวันหนึ่งถ้าผมอยากพักได้ก็พักอยู่เฉยๆ หรืออยากไปเรียนหนังสือก็มีตรงนี้สนับสนุนอยู่"จี๊ดคบกันมา 2 ปี สำหรับผมถือว่านานมากเลย ที่ผ่านมาไม่นานถึงขนาดนี้ครับ"

“มาช่า” เปิดไฟเขียว “น้องกาย” เข้าวงการ


รับหน้าที่เป็น “เจ๊ดัน” ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “น้องกาย-นวพล” ไปโดยปริยาย สำหรับม่ายสาวพราวเสน่ห์ “มาช่า วัฒนพานิช” เพราะล่าสุดดูเหมือนว่า “น้องกาย” จะเข้ามาทำงานในวงการเต็มตัวแล้ว โดยเฉพาะการเดินแบบคู่กับ “แพนเค้ก-เขมนิจ” ซึ่งมีภาพสวีทหวานออกมา ซึ่ง “มาช่า” เผยถึงเรื่องนี้กับ “บันเทิงเดลินิวส์” ว่า “ภาพที่เห็นอันนั้นมันเป็นงาน วันนั้นไปเดินแบบใช่มั้ย (ย้อนภาพน้องกาย) ก็เหมือนงานทั่วไป เวลาน้องกายมีข่าวอะไรออกมาช่ารู้สึกดีนะ แสดงว่ามีคนสนใจ และต้อนรับเขา ช่าก็ต้องขอบคุณทุกคนด้วย แต่จะว่าไปตอนนี้น้องกายเพิ่งเข้าวงการมาทำงาน ยังใหม่มากไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร สำหรับงานของน้องกายก็ดูไปเรื่อยๆ ยังไม่รีบร้อนอะไร เพราะกายยังเรียนหนังสืออยู่ด้วย มีงานติดต่อเข้ามาช่าจะสกีนให้ เราต้องดูด้วยว่าอันไหนที่เหมาะจะให้เขาทำ เอาเป็นว่าเรื่องงานน้องกายมันเป็นจังหวะและงานที่เข้ามาแล้วกัน” ด้าน “น้องกาย” เปิดใจว่า “สำหรับงานในวงการก็ทำไปเรื่อยๆ แต่ต้องดูก่อนว่าอยากจะทำอะไร ถ้าถามว่าชอบงานแบบไหนคงต้องบอกว่าชอบงานถ่ายแบบ ทำแล้วดี รู้สึกว่าชอบและอยากทำงานด้านนี้” น้องกาย กล่าวทิ้งท้าย.

ลือแซด! 'กอฟ' หมั้นเงียบ ปฏิเสธคบ 'มะหมี่' กลบ ข่าวเกย์ [22 เม.ย. 51 - 01:00]


กระแสข่าวปิ๊งรักกับ มะหมี่-นภคปภา นาคประสิทธิ์ นักแสดงสาวจากหนังสยองเรื่อง “ลองของ 2” เล็ดลอดออกมาไม่ทันไร ข่าวว่า กอฟ-อัครา อมาตยกุล กลัวสู้หนุ่มตาน้ำข้าวกระเป๋าหนักไม่ไหว เลยแอบ “หมั้นเงียบ” เอาไว้ก่อน กอฟ บอกว่า “ว่าที่เจ้าบ่าวยังไม่ทราบเลยครับ โทร.ไปถามว่าที่เจ้าสาวก็ยังไม่รู้ เหมือนกัน ก็ขำๆ ผมยังไม่แต่งงงานครับ” คบกันดูใจกันไปก่อน? “ก็คบกันมานานแล้ว เราก็มีความรู้ สึกดีๆให้กัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน น้องเป็นคนที่โอเคคนนึงในสังคมโลกมายา ส่วนใหญ่ชอบไปทำบุญกัน” แล้วข่าวหมั้นออกมาได้ไง? “งงครับ อาจจะเห็นเราไปทำบุญกัน” มีคนบอกว่าเห็นไปซื้อแหวนด้วย? “ไปเดินเล่นมั้ง มะหมี่เค้าก็ซื้อของเค้าอยู่แล้ว” แต่ให้กอฟ ช่วยเลือก? “ก็เค้าเลือกแล้วถามๆ ว่าสวยมั้ย” กอฟ ซื้อให้มะหมี่? “ให้เค้าซื้อเอง” ความสัมพันธ์? “เรามีความรู้สึกดีๆให้กันดีกว่า ไม่ต้องจำกัดว่าเป็นอะไรยังไง เราเจอใครแล้วเค้าคุยด้วยได้ เราก็น่าจะรักษาไว้ให้ดีที่สุด” ในเน็ตลือหึ่งกอฟคบมะหมี่สร้างภาพ? “คงไม่สร้าง ไม่รู้จะสร้างทำไม ผมไม่ค่อยเป็นข่าวอะไรอยู่แล้ว” ข่าวชาวสีม่วงไง? “ผมสีแทนธรรมดาครับ(หัวเราะ)ไม่ได้กลบข่าวอะไร ถ้ามากลบในปีที่ 8 ก็ยังไงอยู่เป็นเรื่องปกติทุกคนโดนหมด” ซีเรียสมั้ย? “ไม่ครับ เราเป็นเรารู้ดีว่ายังไง ไม่ต้องไปพิสูจน์ สุดท้ายเราหากินด้วยตัวเองไม่มีใครหาสตางค์ให้เรา เจ็บป่วยไม่มีใครมาดูแล อย่าอยู่เพื่อสังคม อยู่เพื่อตัวเองทำให้ชีวิตเราดีที่สุด” กับมะหมี่มีโอกาสพัฒนามั้ย? “คบกันดูๆกันไป” แต่พอไปถามมะหมี่บอกเป็นไปไม่ได้? “นั่นละครับก็คืออย่างที่บอก เค้าเป็นผู้หญิง ไปถามเค้ามากๆก็อาจจะเสีย เราเป็นเพื่อนที่ดี ผมก็รู้จักคุณพ่อคุณแม่เค้าปกติของคนที่รู้จักกันครับ”.

โดนหมิ่น! สาลี-นางทาส ฟ้องนสพ. [23 เม.ย. 51 - 05:13]


เมื่อตอนบ่ายวันที่ 22 เม.ย. น.ส.จีรนันท์ มะโนแจ่ม หรือยุ้ย อายุ 25 ปี ดารานักแสดงสาวชื่อดัง ล่าสุดมีผลงานละครเรื่องนางทาส ในบทคุณสาลี่ ได้ไปศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี พร้อมกับแฟนหนุ่มชื่อนายธนดล ช้างเสวก หรือ ปี๊ด นักดนตรีมือเบสวงบอดี้สแลม และนายศิวบูรณ์ จิระวรานันท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสปีดวัน จำกัด บริษัทต้นสังกัดของดาราสาว พร้อมกับทนายความ
ทั้งนี้ เพื่อยื่นฟ้องนิตยสารบันเทิงชื่อกอซซิปสตาร์ รายสัปดาห์ มีบริษัทกอซซิปสตาร์ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 นายพิชญ์ โพธารามิก เป็นจำเลยที่ 2 นายโสรัชย์ อัศวะประภา จำเลยที่ 3 และนายแสนคม ธิติพิไลรัตน์ เป็นจำเลยที่ 4 ทั้งในคดีแพ่งและอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทศาลได้นัดพร้อมคู่กรณีในวันที่ 28 ก.ค.นี้
หลังจากนั้น ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม เปิดเผยว่า สาเหตุที่ฟ้องเพราะลงเรื่องไม่จริง ทำให้ตนและครอบครัวรับไม่ได้ เขียนเหมือนกับว่าคนเขียนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ขอท้าว่าถ้ามีภาพมายืนยัน ก็จะไม่เอาเรื่อง เพราะไม่อยากเครียด ไม่อยากคิดมาก อยากอโหสิกรรมให้ แต่ครอบครัวและแฟนรับไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นเรื่องจริง ไม่ยุติธรรม ทำให้ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี ภาพพจน์เสียหาย

“การฟ้องครั้งนี้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีตัวเองและเพื่อครอบครัวที่ยุ้ยรัก อยากคุยกับนิตยสารฉบับนี้เหมือนกันว่า เขามีอะไรกับยุ้ยหรือเปล่า ยุ้ยไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ถ้ามีอะไรก็จะได้คุยกัน ยุ้ยจะได้เคลียร์ตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเขียนสักที เพราะจริงๆแล้ว ไม่อยากมีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร คุยกันได้ก็คุยกันไป เรื่องจะได้จบ” ดาราสาวกล่าว
ส่วนนายธนดล ช้างเสวก หรือปี๊ด บอดี้สแลม แฟนหนุ่ม กล่าวว่า มีการเสนอข่าวแฟนสาวทำให้เสียหาย ตอนแรกไม่คิดอะไรมาก แต่เมื่อครอบครัวได้ยินข่าวก็ถามว่าจริงหรือไม่ จึงปรึกษากันและตัดสินใจฟ้อง “อยากให้ผู้อ่านคิดดูว่าการที่เสนอข่าวไม่จริง เขาต้องการอะไร เรา 2 คนจึงออกมาบอกกับประชาชนและคนอ่านว่าอะไรคือความจริง” ปี๊ด บอดี้สแลม กล่าว
ขณะที่นายศิวบูรณ์ จิระวรานันท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทสปีดวัน จำกัด เปิดเผยว่า การฟ้องแบ่งเป็น 2 คดี คดีแพ่งฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาท ส่วนคดีอาญาฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ส่วนเรื่องที่จะมีการไกล่เกลี่ยกันนั้น หากผู้ถูกกล่าวหาติดต่อมา ก็พร้อมเจรจาด้วย โดยให้ลงข้อความขอโทษอย่างเป็นทางการ

สมชายโต้แก้รธน.เพื่อทักษิณ ลั่นสุดท้ายจะทราบความจริง [23 เม.ย. 51 - 12:51]


นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าววันนี้ (23 เม.ย.) กรณีโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ที่จะโอนสำนักงานอัยการสูงสุด กลับไปอยู่กระทรวงยุติธรรม ว่า ให้สอบถามอัยการสูงสุด ส่วนตัวเห็นว่าสิ่งใดดีเป็นประโยชน์ ก็พร้อมสนับสนุน ส่วนความเห็นที่แตกต่างและมีการแบ่งฝ่ายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ ไม่อยากให้มีการแบ่งแยก ควรฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน ความเห็นที่แตกต่าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่สุดก็ต้องเป็นไปตามกรอบกติกา และหากทำความเข้าใจกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อกรณีมีการวิจารณ์ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า จะช่วยได้อย่างไร และไม่ควรเอาคน ๆ เดียวเป็นตัวตั้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น แม้ตนจะรู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่หากทำเช่นนี้ก็ไม่ยอม เพราะต้องทำเพื่อคนทั้งประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณ วางมือทางการเมืองแล้ว หากแก้แล้วก็ไม่มีอะไรเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ วิจารณ์การเดินสายทำบุญของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการแสดงบารมี นายสมชาย กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด ส่วนสังคมจะเชื่อหรือไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เลิกเล่นการเมืองหรือไม่นั้น เรื่องนี้ได้อธิบายแล้ว จะเชื่อหรือไม่ เป็นเรื่องของแต่ละคน สุดท้ายจะทราบว่าความจริงคืออะไร
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคได้แสดงจุดยืนชัดเจนมาโดยลำดับ แต่ต้องยอมรับว่า มีโอกาสน้อยในการได้ชี้แจงผ่านรายการโทรทัศน์ของรัฐ รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้สื่อของรัฐทำงานโดยอิสระเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลอย่างรอบด้าน
"จุดยืนของเราได้พูดชัดว่าควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาปัญหาการใช้รัฐธรรมนูญเสียก่อน จากนั้นจึงกำหนดว่าจะนำไปสู่ประเด็นการแก้ไขอย่างไร แต่ขณะนี้ไม่มีการศึกษาปัญหา มีแต่ปัญหาส่วนตัวของคนบางคน และพรรคการเมืองบางพรรคแล้วไปสรุปว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ เป็นการข้ามขั้นตอน" นายจุรินทร์ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ตั้งคนกลางขึ้นมาศึกษาปัญหารัฐธรรมนูญ อาจให้องค์กรที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันพระปกเกล้า เป็นเจ้าภาพ ระดมความเห็นของทุกฝ่ายมาประมวล หลังจากนั้นจึงสรุปว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงการดำเนินการโดยรัฐสภาโดยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาปัญหาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ
"ความจริงญัตติของรัฐบาลที่จะเสนอให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญก็มี แต่ดูเหมือนว่าจะโดนดองไว้ เพราะรัฐบาลมุ่งเป้าว่าไม่ต้องศึกษา ต้องการเร่งรัดเป็นหลัก การเร่งรัดนี้จึงนำมาซึ่งการต่อต้าน ส่วนความคิดที่จะแก้โดยใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้ง และมองว่ารัฐบาลถอยแล้ว แต่ความจริงรัฐบาลไม่ได้ถอย อย่าไปตกหลุมพราง ตบตาประชาชน การเอารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้ง เป็นการเปลี่ยนวิธีการแต่เป้าหมายยังได้เหมือนเดิม เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่มีมาตรา 237 และ 309 เท่ากับความผิดคดียุบพรรคจะสามารถอาศัยช่องว่างตรงนี้หลบหนีไปได้" นายจุรินทร์ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 เป็นการถอยกลับไปใช้วิธีการสรรหาองค์กรอิสระแบบเก่าที่ตัวแทนพรรคการเมืองสามารถเข้ามาเป็นกรรมการสรรหาองค์กรอิสระได้ เมื่อยกเลิกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. )และลดวาระของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ในที่สุดรัฐบาลร่วม 6 พรรคการเมืองจะใช้ 6 เสียงนี้ในการชี้เป็นชี้ตายว่าจะเอาใครมาเป็นกรรมการองค์กรอิสระ รัฐบาลมีความต้องการใช้ช่องว่างนำคนที่สั่งได้มาช่วยเหลือคดียุบพรรคและคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เพื่อแปลความผิดให้กลายเป็นถูก
ขณะที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค มีคณะกรรมการดำเนินการ ที่ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ ยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการถ่วงดุลอำนาจ และการตรวจสอบ เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย ทุกพรรคอาจมีความเห็นที่แตกต่าง แต่ที่สุดจะได้ข้อสรุปร่วมกัน ส่วนการหารือกับนายกรัฐมนตรี นั้น ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อมา แต่เห็นว่า หากการพูดคุยสามารถแก้ปัญหาได้ ทุกฝ่ายควรหันหน้าพูดคุยกัน
ส่วน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมชุมนุมใหญ่วันที่ 25 เม.ย. เพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ขอต้อนรับทุกอย่างที่เป็นการตรวจสอบรัฐบาลอย่างถูกต้อง แต่ระบบรัฐสภามีอยู่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้หายไปไหน แต่ถ้าจะมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้ามาตรวจสอบอีกก็ทำได้ เพราะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในระบอบประชาธิปไตย การทำงานของรัฐบาลรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ยอมรับมีการโต้ตอบกันบ้าง แต่ไม่มีเจตนาทำให้เกิดความไม่สงบในสังคม และต้องขอบคุณสื่อที่นำเสนอข่าว มีการแยกแยะอย่างเป็นระบบ ทั้งข้าราชการ องค์กรเอกชน นักวิชาการ ไม่ทำให้เกิดความแตกแยก และจะทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความสมดุล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า สามารถวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ แต่ก็ต้องมีขอบเขต